"โรคตาขี้เกียจ": สาเหตุ อาการ และการรักษาที่พ่อแม่ควรรู้
อัพเดทล่าสุด: 21 เม.ย. 2025
0 ผู้เข้าชม
บทนำ
โรคตาขี้เกียจ (amblyopia) เป็นปัญหาการมองเห็นที่พบได้บ่อยในเด็ก ซึ่งหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่น ๆ อาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้และการใช้ชีวิตประจำวันของเด็กได้อย่างถาวร
ตาขี้เกียจคืออะไร?
ตาขี้เกียจคือภาวะที่ส่วนของสมองที่ทำหน้าที่ในการมองเห็นไม่รู้จักว่าภาพที่ชัดเป็นอย่างไร เนื่องจากไม่ได้รับการกระตุ้นด้วยภาพที่ชัดตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นแท้จริงแล้วโรคตาขี้เกียจเป็นปัญหาของสมองไม่ใช่ดวงตา
ปกติแล้วการที่คนเราจะมองเห็นภาพที่ชัดได้ จะต้องประกอบด้วยดวงตาที่ปกติและส่วนของสมองที่ทำหน้าที่ในการรับรู้ภาพ (ดังคำกล่าวที่ว่า คนเรานั้นมองด้วยตาแต่เห็นด้วยสมอง) ในการพัฒนาของสมองที่สมบูรณ์ ดวงตาทั้งสองข้างจะต้องได้รับการกระตุ้นโดยการมองเห็นภาพที่ชัดเท่าๆกัน ถ้าหากมีตาข้างใดข้างหนึ่งที่มองเห็นน้อยกว่าอีกข้างจะทำให้สมองที่รับข้อมูลจากตาข้างนั้นไม่ได้รับการกระตุ้นที่เพียงพอและเกิดตาขี้เกียจตามมาได้ครับ
สาเหตุของตาขี้เกียจที่พบบ่อย
1. ค่าสายตาที่แตกต่างกันมากระหว่างตาทั้งสองข้าง เช่น ตาข้างหนึ่งสายตายาวมาก อีกข้างหนึ่งสายตายาวเพียงเล็กน้อยหรือเป็นสายตาสั้น เมื่อค่าสายตาของสองตาแตกต่างกันมาก สมองของเด็กจะปรับตัวโดยเลือกใช้แค่ตาข้างที่เห็นชัดกว่าในการมอง ทำให้ตาอีกข้างไม่ได้ใช้
2. ภาวะตาเข คือตาทั้งสองข้างมองไปคนละทิศละทาง สมองของเด็กมักจะปิดกั้นการรับรู้ภาพจากตาข้างที่เขเพื่อไม่ให้มองเห็นภาพซ้อน ตาข้างที่ถูกปิดกั้นการรับรู้นานๆ เข้าก็จะเกิดเป็นตาขี้เกียจได้
3. โรคของดวงตาต่างๆ ที่ทำให้การมองเห็นลดลง ตัวอย่างเช่น แผลเป็นที่กระจกตาจากอุบัติเหตุ ต้อกระจก หนังตาที่ตกมาบังรูม่านตา โรคเหล่านี้จะทำให้ตาข้างที่เป็นโรคไม่ได้รับการกระตุ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดตาขี้เกียจ
วิธีการรักษาตาขี้เกียจ
การรักษาจะเน้นที่การกระตุ้นให้เด็กช้ตาข้างที่ขี้เกียจมากขึ้น ซึ่งจะมีแนวทางหลัก ๆ ดังนี้
1. ใส่แว่นตา เพื่อแก้ไขค่าสายตาและทำให้ตาข้างที่ขี้เกียจสามารถมองเห็นชัดขึ้น
2. ปิดตาข้างที่มองชัดกว่า (patching) ใช้ผ้าปิดตาเพื่อบังคับให้เด็กใช้ตาข้างที่ขี้เกียจ ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อ่านหนังสือ ดูทีวี ขณะปิดตา
3. การใช้ยาหยอดตาขยายม่านตา โดยหยอดตาข้างที่มองเห็นดี เพื่อทำให้ตานั้นมองไม่ชัดชั่วคราว เป็นอีกทางเลือกแทนการปิดตา
หมายเหตุ: การรักษาตาขี้เกียจควรอยู่ภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์เสมอ
ช่วงอายุที่รักษาได้ผลดีที่สุด
การรักษาตาขี้เกียจมีประสิทธิภาพดีที่สุดเมื่อเด็ก อายุต่ำกว่า 8-10 ปี หลังจากนั้น สมองจะพัฒนาเต็มที่และไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นมากนัก โรคตาขี้เกียจยิ่งตรวจพบเร็ว โอกาสรักษาหายขาดยิ่งสูง
ความสำคัญของการตรวจคัดกรองสายตาในเด็ก
ตาขี้เกียจเป็นภาวะที่รักษาได้ หากตรวจพบเร็วและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เด็กที่มีตาขี้เกียจดูผิวเผินอาจจะดูเหมือนมองเห็นได้ปกติ เพราะเด็กจะใช้แค่ตาข้างที่ชัดข้างเดียวในการมองและใช้ชีวิตอย่างปกติ ดังนั้นการตรวจคัดกรองการมองเห็นตั้งแต่อายุน้อย มีความสำคัญในการที่จะตรวจพบตาขี้เกียจในช่วงที่ยังไม่สายเกินไปที่จะรักษาครับ
ถ้าขอบบทความ ผู้อ่านสามารถกด share ไปยังช่องทาง social media ต่างๆ ได้ครับ :)